ป้ายกำกับ: ความงาม

บอกลาปัญหามือแห้งเล็บเปราะเพราะล้างมือบ่อย

บอกลาปัญหามือแห้งเล็บเปราะเพราะล้างมือบ่อย

การล้างมือบ่อย ๆ เป็นเรื่องจำเป็นเพื่อช่วยควบคุมการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 ปัญหามือแห้งเล็บเปราะแตกล้างเป็นเรื่องปกติ สาว ๆ รู้สึกกังวลที่ผิวหนังบนมือแห้งมาก หยิบจับอะไรก็รู้สึกระคายเคือง ถึงเวลาเยียวยากู้ผิวพัง มือและเล็บสวยและเนียนนุ่มชุ่มชื้นจนใคร ๆ ได้จับมือแล้วไม่อยากปล่อยเลยทีเดียว เมื่อรู้สาเหตุตั้งแต่แรกแล้วการเยียวยามือแห้งกร้านก็ทำได้ง่าย มีวิธีดี ๆ มาฝากกันดังนี้

ล้างมือบ่อยไม่ว่าจะล้างด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ส่งผลกระทบต่อผิวหนังทำให้ผิวแห้งแตก ลอกเป็นขุย ผิวแดง ปวดคัน ทำให้แบคทีเรียเข้ามาในร่างกายของเราได้ หนังกำพร้าชั้นนอกสุดมีโปรตีนและไขมันเป็นเกราะป้องกันผิวหนัง หากล้างมือมากเกินไป น้ำมันธรรมชาติจะถูกชะล้างออกไปทำให้ผิวแห้ง ผิวแตก คนที่เป็นโรคผิวหนัง ผื่น กลาก และภูมิแพ้อยู่แล้วจะมีอาการหนักขึ้น เป็นผื่นแดงและคัน รู้สึกไม่สบายตัว

ในเมื่อเราจำเป็นต้องล้างมือให้ปลอดภัยจากเชื้อโรค ควรล้างมืออย่างไรไม่ให้ผิวแห้ง สิ่งแรกคือการเลือกผลิตภัณฑ์ล้างมือใช้สบู่อ่อนสูตรสำหรับผิวบอบบางและแพ้ง่าย ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมหรือสารเคมีที่ระคายเคืองต่อผิวหนัง ใช้สบู่หรือเจลล้างมือปริมาณพอเหมาะ ไม่ต้องล้างให้มีฟองมากจนทำลายน้ำมันบนผิวหนัง ล้างมือด้วยน้ำเย็นจากนั้นใช้ผ้าซับมือให้แห้งแล้วทาครีมบำรุงผิวทันที แนะนำให้เลือกครีมและขี้ผึ้งที่มีความเข้มข้นและติดทนดีกว่าโลชั่น รวมทั้งปิโตรเลียมเจลที่เคลือบผิวได้ดีมาก ควรพกครีมทามือติดตัวไว้เสมอ ล้างมือเมื่อไรใช้ครีมทามือทันที สำหรับเจลทำความสะอาดมือที่มีแอลกอฮอล์อาจระคายเคืองผิวหนังและทำให้ผิวแห้งมาก 

ผิวพรรณที่ดูดีเกิดจากการดูแลอย่างเหมาะสม ในเมื่อเลี่ยงการล้างมือบ่อยไม่ได้ ยังมีวิธีการฟื้นบำรุงผิวเพื่อให้ชุ่มชื้นโดยทาครีมบำรุงคืนความนุ่มนวลกลับเข้าสู่ผิวทุกครั้งหลังล้างมือ ก่อนเข้านอนให้ทาครีมชนิดเข้มข้นแล้วสวมถุงมือผ้าฝ้ายทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีแล้วล้างออก เพื่อให้เนื้อครีมซึมเข้าผิวหนัง เทียบเท่ากับการมาสก์มือ ทำให้ผิวหนังมีความชุ่มชื้นอย่างมากและเนียนนุ่มขึ้น ในเวลากลางคืนอาจทาโลชั่นหรือมอยส์เจอไรเซอร์เข้มข้นและสวมถุงมือตลอดคืนเพื่อให้มอยส์เจอไรเซอร์ซึมซับเข้าสู่ผิวอย่างเต็มที่ ถุงมือช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้ ตื่นมาจะรู้สึกว่ามือเนียนนุ่มน่าสัมผัสยิ่งขึ้น

วิธีป้องกันผิวแห้งอีกวิธีคือสวมถุงมือก่อนล้างจานช่วยป้องกันไม่ให้น้ำทำลายน้ำมันธรรมชาติบนผิวหนัง หากผิวหนังแตกหรือผิวลอกรุนแรงอาจต้องใช้ยาทาผิวหนังหรือยากินเพื่อลดอาการผิวแห้ง นอกจากนี้ควรลดปริมาณการดื่มชาและกาแฟ เนื่องจากเครื่องดื่มที่มีสารคาเฟอีนเป็นตัวการขับน้ำออกจากร่างกาย ทำให้ผิวแห้งขาดความชุ่มชื้นมากกว่าเดิม พร้อมกันนี้ควรดื่มน้ำเปล่ามากขึ้นเพื่อเติมความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง

เสริมความงามจากภายในสู่ภายนอก

เสริมความงามจากภายในสู่ภายนอก

หากจะพูดถึงองค์ประกอบของความงามของผู้หญิง นอกจากรูปร่างหน้าตา การแต่งหน้าและเสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวมใส่แล้ว ความงามจากกิริยามารยาทก็ถือเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่จะทำให้ผู้หญิงคนนั้นดูงามพร้อมไปหมดทุกอณู

ในส่วนของความงามที่มองเห็นได้ด้วยสายตา ผู้หญิงสามารถแต่งแต้มอย่างไรก็ได้ให้ดูดี ไม่ว่าจะด้วยเครื่องสำอาง การแต่งหน้า ทำผม รวมไปถึงการเลือกใช้เสื้อผ้าที่ทำให้ดูดีมีความโดดเด่น แต่หากจะให้เกิดความงามสมบูรณ์สมแก่การชื่นชมจริง ๆ ควรเสริมสร้างความงามจากภายในให้เปล่งประกายสู่ภายนอกด้วย จึงจะดี

อะไรบ้างคือการเสริมความงดงามจากภายในสู่ภายนอก

1. ฝึกเป็นคนคิดบวก

การหัดเป็นคนมองโลกในแง่ดี ฝึกคิดบวกเข้าไว้ จะช่วยให้เป็นคนที่สดใสไม่โกรธง่าย รัศมีแห่งความเป็นมิตรจะแผ่ออกไปให้คนรอบข้างรู้สึกได้

2. หัดออกกำลังกาย ทานอาหารที่เป็นประโยชน์

เรื่องของร่างกายมิใช่จะมีแต่ผิวพรรณภายนอกที่ต้องหมั่นดูแล ความงดงามจากความแข็งแรงอันเกิดจากการดูแลสุขภาพภายในก็มีส่วนสำคัญที่จะทำให้ร่างกายภายนอกดูดี

3. ยิ้มให้เก่ง อารมณ์ดี

รอยยิ้มที่ถ่ายทอดออกมาจากจิตใจจริง ๆ เป็นหนึ่งในความงามที่มีต้นทุนน้อยแต่สร้างคุณค่าได้มากที่สุด เวลาที่เราพบคนยิ้มให้เราย่อมรู้สึกดี และประทับใจต่อคน ๆ นั้น ดังนั้นการส่งยิ้มพิมพ์ใจให้กับคนรอบข้างอย่างเป็นธรรมชาติจะช่วยสร้างบรรยากาศดี ๆ ให้เกิดขึ้นรอบตัวเราอยู่เสมอ

4. พักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับคือการทำให้ร่างกายได้มีเวลาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ดังนั้นการนอนหลับให้สนิทเต็มอิ่มจะช่วยสร้างความสดชื่นสดใสในแต่ละวันให้เกิดขึ้น ดังจะเห็นได้ว่าคนที่นอนน้อยร่างกายมักจะทรุดโทรมกว่าคนที่นอนหลับได้เพียงพอ

5. ฝึกสมาธิช่วยได้

ชีวิตประจำวันอาจทำให้เกิดความเครียดสะสม การหาเวลาฝึกการทำสมาธิเสียบ้างจะช่วยปัดกวาดเรื่องราวที่เข้ามารบกวนจิตใจในแต่ละวัน เป็นการจัดระเบียบความคิดเสียใหม่ เมื่อจิตใจสงบการแสดงออกผ่านหน้าตา ท่าทางก็จะดีไปด้วย

6. สะสมความรู้สู่ความงามสง่า

ความสวยแต่เพียงร่างกายอย่างเดียว ไม่ถือว่าเป็นความงามโดยสมบูรณ์ คนที่จะงดงามสมบูรณ์แบบได้นั้น ต้องเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถประกอบด้วย จึงจะเรียกได้ว่าเป็นคนสวยทั้งร่างกายและสมอง

การที่คนเรารู้จักเสริมสร้างความงามทั้งจากภายนอกและภายใน จึงจะเรียกได้ว่าเป็นการสร้างความงามที่เพียบพร้อม เป็นความงดงามที่ยั่งยืน เปรียบเสมือนการใช้มือสองข้างปั้นรูป ย่อมสวยงามกว่าการใช้มือข้างเดียวปั้นอย่างแน่นอน

เคล็ดลับผลิตภัณฑ์ความงามที่ผู้หญิงทุกคนควรรู้

เคล็ดลับผลิตภัณฑ์ความงามที่ผู้หญิงทุกคนควรรู้

ผู้หญิงส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับความสวยความงาม แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกเป็นเพียงส่วนหนึ่งของตัวเรา แต่ความงามทำให้รู้สึกดีกับตัวเองและเกิดความมั่นใจมากขึ้น การดูแลตัวเองให้สวยเริ่มต้นจากสุขภาพดีและความสะอาดซึ่งไม่ได้ซับซ้อนเสียเวลาหรือมีราคาแพงเลย เราเลือกเคล็ดลับพื้นฐานที่ผู้หญิงทุกคนควรรู้มาแนะนำกันดังนี้

1.เลือกมอยส์เจอไรเซอร์คุณภาพดี
เคล็ดลับข้อแรกคือใช้มอยส์เจอไรเซอร์เป็นประจำ ล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสูตรอ่อนโยนต่อผิว ก่อนบำรุงผิวนุ่มชุ่มชื้นด้วยมอยส์เจอไรเซอร์คุณภาพดี ไม่ว่าผิวของคุณจะแห้ง ปกติ หรือแม้แต่ผิวมัน สาว ๆ ช่วงอายุ 20-30 ปีควรเน้นการใช้มอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวเพิ่มความชุ่มชื้นและอิ่มน้ำ ผิวสดใสแลดูอ่อนเยาว์ ช่วยปกป้องผิวไม่ให้แก่ก่อนวัย ทุกริ้วรอยบนใบหน้าดูจางลง พิจารณามอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว หากผิวธรรมดาเหมาะกับมอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีกรดอัลฟาไฮดรอกซีช่วยกระตุ้นให้ผิวผลิตความชื้นมากขึ้น ผิวแห้งเหมาะกับมอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีไฮยาลูรอนิกและเซราไมด์ช่วยให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้นดีขึ้น ผิวมันเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อบางเบาและไม่มีน้ำมันเพื่อลดปัญหาสิว

2.ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ
ครีมกันแดดเป็นเคล็ดลับต่อต้านริ้วรอยที่ดีที่สุด แสงแดดส่งผลต่อการผลิตคอลลาเจนในผิวหนัง ทาครีมกันแดดเป็นประจำช่วยให้ผิวชุ่มชื้น อวบอิ่ม ดูอ่อนเยาว์ ไร้ริ้วรอยตามธรรมชาติและลดความเสี่ยงของมะเร็งผิวหนัง เปรียบเทียบกับสาว ๆ ที่ไม่ทาครีมกันแดดก่อนแต่งหน้าจะเห็นว่าผิวหนังเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร ผิวหย่อนคล้อย รอยเหี่ยวย่นและร่องลึกเห็นชัดมากขึ้น ผิวดูหยาบกร้าน มองเห็นกระ จุดด่างดำ และเส้นเลือดขอดอีกด้วย แนะนำให้เลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 ขึ้นไปสามารถปกป้องผิวจากรังสีที่เป็นอันตราย หากทำงานกลางแจ้ง ผิวสัมผัสแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานาน ให้ทาครีมกันแดดซ้ำทุก ๆ ชั่วโมงหรือสองชั่วโมง เลือกแป้งแต่งหน้าที่มีสารกันแดดด้วยจะช่วยเพิ่มการปกป้องเป็นพิเศษ

3.ไม่ล้างหน้าบ่อยเกินไป
เลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยนต่อผิวและใช้เท่าที่จำเป็น ไม่เกินวันละ 2 ครั้ง แม้จะมีผิวมันแต่การล้างหน้าวันละหลายครั้งเป็นการทำลายเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติและกระตุ้นต่อมน้ำมันให้ขับน้ำมันออกมามากขึ้น ยิ่งใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์รุนแรงยิ่งเป็นการทำร้ายผิวมากกว่าเดิม ผิวหนังจะแห้ง แตก ลอก คัน และเกิดการระคายเคืองจากการถูกแสงแดดโดยตรงง่ายขึ้น หากรู้สึกว่าหน้ามันระหว่างวันรู้สึกไม่มั่นใจ ควรเลือกใช้กระดาษซับมันแทน

4.เลือกอุปกรณ์แต่งหน้าที่นุ่มนวลอ่อนโยนต่อผิว
สาว ๆ ส่วนใหญ่ใส่ใจเลือกครีมกันแดดหรือรองพื้นที่ดีสุด อายแชโดว์ราคาแพงที่สุด แต่กลับละเลยเรื่องอุปกรณ์แต่งหน้าซึ่งมีความสำคัญไม่น้อย ถ้าเครื่องมือไม่เหมาะสม ขนแปรงเส้นแข็งบาดผิวเส้นขนหลุดง่าย หรือแม้แต่สีตก ทำให้เครื่องสำอางราคาแพงสูญเปล่าอย่างน่าเสียดาย ควรเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมในการใช้งาน มิเช่นนั้นแล้วประโยชน์ของเครื่องมือเหล่านั้นก็จะสูญเปล่า ควรเลือกขนแปรงนุ่มนวล ด้ามจับง่ายถนัดมือ แต่งหน้าได้ง่ายและเกลี่ยเครื่องสำอางให้กลมกลืนเข้ากันได้ดี ถือเป็นชุดแปรงดี ๆ ที่คุ้มค่าต่อการลงทุน

รวมเทคนิคแต่งหน้าอย่างไรให้ได้ลุคสายฝอสุดแซ่บ

รวมเทคนิคแต่งหน้าอย่างไรให้ได้ลุคสายฝอสุดแซ่บ

สาว ๆ คนไหนต้องการแต่งหน้าให้ได้ลุคสวยแซ่บ แนะนำให้บอกลาการแต่งหน้าสไตล์เกาหลีไปก่อน เพราะตัวเลือกที่จะเนรมิตใบหน้าให้สวยฟาด คือการแต่งหน้าแบบสายฝอที่เน้นความสวยคมชัด มอบลุคสายฝอสุดแซ่บ ตรงข้ามกับการแต่งหน้าสไตล์เกาหลีที่เน้นความเป็นธรรมชาติอย่างเห็นได้ชัด

แต่งหน้าอย่างไรให้ได้ลุคสวยแบบสายฝอ

  1. ผิวเนียนเรียบไร้ที่ติ
    เมื่อการแต่งหน้าสไตล์เกาหลีเน้นงานผิวฉ่ำวาวเป็นธรรมชาติ แต่บอกเลยว่าการแต่งหน้าฉบับสายฝอนั้นอยู่ฝั่งตรงข้าม เพราะเน้นปกปิดผิวให้เรียบเนียนไร้ที่ติ ดังนั้น รองพื้น คุชชั่น และคอนซีลเลอร์ จึงเป็นตัวช่วยสำคัญในการอำพรางจุดบกพร่องบนใบหน้ารวมถึงบริเวณใต้ตา จะเลือกใช้ฟองน้ำหรือแปรงลงรองพื้นก็ได้ ขอให้ใบหน้าเนียนสวยไร้ที่ติก็พอ
  2. คิ้วสวยเป๊ะ
    บอกลาคิ้วตรงสไตล์เกาหลีไปก่อน เพราะลุคสายฝอต้องคิ้วโก่งคมกริบเท่านั้น โดยเฉพาะบริเวณหางคิ้วที่ต้องคมเข้มเป็นพิเศษ ส่วนบริเวณหัวคิ้วให้ทาบาง ๆ อย่าลืมจัดแต่งขนคิ้วให้เป็นทรงและเติมไฮไลท์บริเวณโหนกคิ้วเพื่อเพิ่มความเป๊ะ
  3. ดวงตาคมกริบ
    สิ่งสำคัญของการแต่งดวงตาแบบสายฝอคือให้ความสำคัญกับการคัดเบ้าตา เพื่อให้ดวงตาดูมีมิติและเซ็กซี่ โดยมีตัวช่วยสำคัญอย่างอายแชโดว์ จากนั้นนิยมกรีดอายไลเนอร์เพื่อให้ดวงตาคมกริบยิ่งขึ้น ก่อนจะปิดท้ายด้วยขนตาสวยสะพรึง จะเลือกปัดมาสคาร่าให้ขนตาดูหนาก็ได้ หรือจะเลือกใส่ขนตาปลอมก็ทำให้ได้ลุคโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้นเช่นกัน
  4. ปัดแก้มโทนนู้ด
    แม้การแต่งหน้าสไตล์สายฝอจะเน้นความคมชัด แต่บอกเลยว่าการแต่งแก้มไม่นิยมปัดบลัชออนให้เข้มสักเท่าไหร่ เน้นปัดบาง ๆ ให้ดูสุขภาพดีและพอมีสีสันเท่านั้น โดยโทนสียอดนิยมคือโทนสีนู้ด เช่น สีส้มนู้ด สีส้มอมน้ำตาล สีชมพูนู้ด หรือโทนสีบ่มแดด ที่ได้รับความนิยมเอามาก ๆ
  5. ริมฝีปากอวบอิ่มคมชัด
    ปิดท้ายการแต่งหน้าสไตล์สายฝอให้สวยกระชากใจด้วยการออกแบบริมฝีปากให้คมชัดและดูอวบอิ่ม เทคนิคของสาวยุโรปคือมักวาดขอบปากให้ได้รูปด้วยดินสอเขียนขอบปาก จากนั้นจึงค่อยลงลิปสติกทั่วริมฝีปาก ส่วนใหญ่นิยมเลือกลิปสติกเนื้อแมทช์ที่ไม่แวววาวแต่ติดทนนาน เรียกได้ว่าทาครั้งเดียวแต่สวยนานตลอดวัน

ใครอยากเนรมิตใบหน้าให้สวยคมและเซ็กซี่ แนะนำให้แต่งหน้าลุคสายฝอ รับรองว่าจะมอบลุคสุดแซ่บจนหนุ่ม ๆ ต้องเหลียวมอง และเพราะการแต่งหน้าสไตล์นี้ค่อนข้างจัดเต็มเครื่องสำอางทุกส่วนบนใบหน้า เพราะฉะนั้นอย่าลืมล้างหน้าให้สะอาดด้วยน้ำยาเช็ดเครื่องสำอาง เพื่อให้ใบหน้าสะอาดใสไร้ปัญหาผิวในอนาคต

ปัญหาความงามที่คนในวัย 30+ ต้องเผชิญคืออะไร

ปัญหาความงามที่คนในวัย 30+ ต้องเผชิญคืออะไร

เมื่อเข้าสู่วัย 30 ขึ้นไป เรื่องของความงาม ผิวพรรณ และรูปร่าง จะเริ่มเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย เพราะช่วงวัย 30 + ถือว่าเป็นช่วงของการเปลี่ยนแปลงจากวัยรุ่นสู่วัยกลางคนที่จะเปลี่ยนไปทั้งหมด แม้แต่อารมณ์ ความคิด และความรู้สึกบางอย่างก็จะเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน ดังนั้นลองมาดูปัญหาความสวยงามที่มักเกิดขึ้นกับคนในวัย 30 ปีขึ้นไป ดังนี้

1.ผิวหยาบกร้านง่าย
ช่วงวัยหนุ่มสาวผิวพรรณจะอ่อนเยาว์ มีความเรียบลื่นเพราะด้วยความชุ่มชื้นและน้ำหล่อเลี้ยงผิวที่ยังคงมีความสมบูรณ์อยู่ ทั้งยังสามารถสร้างคอลลาเจนภายในร่างกายมาใช้งานได้อย่างเหมาะสม แต่เมื่อเข้าสู่วัย 30 ผิวจะเปลี่ยนจากความอ่อนเยาว์และความเนียนนุ่มสู่ความหยาบกร้านที่ง่ายขึ้นกว่าเดิม มีปัญหาผิวแห้งแตกและผิวหยาบจากสภาพอากาศที่ง่ายมากกว่าช่วงวัยรุ่น ดังนั้นปัญหานี้จึงถือว่าเป็นปัญหาความงามของคนในวัย 30+ ที่พบได้อย่างชัดเจนที่สุด

2.สิวกลับมาง่ายขึ้น
ปัญหาสิวขึ้นง่ายไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในช่วงวัยรุ่นเท่านั้น แต่จะกลับมาเกิดกับคนในวัย 30 ปีขึ้นไปอีกครั้ง ซึ่งบางคนอาจจะต้องเผชิญกับปัญหาสิวขึ้นเป็นจำนวนมากเหมือนในช่วงวัยรุ่น ที่สำคัญคือสิวที่เกิดมักจะเป็นสิวที่กำจัดได้ยาก เช่น สิวอุดตัน, สิวใต้ผิวหนัง และสิวอักเสบติดเชื้อขนาดใหญ่ ซึ่งเกิดมาจากการทับถมของสิ่งสกปรกและการใช้สารเคมีต่าง ๆ บนใบหน้ามาเป็นระยะเวลายาวนาน

3.ผิวเสียง่าย
เมื่อเข้าสู่วัย 30+ ผิวจะเสียง่ายกว่าช่วงวัยรุ่นเป็นเท่าตัว ถ้าคุณเคยออกไปเผชิญแสงแดดและใช้เวลาไม่นานในการทำให้ผิวกลับสู่สีผิวเดิม แต่เมื่อคุณอายุ 30 ปีขึ้นไปและขาดการดูแลผิวแล้ว ถ้าต้องออกไปเผชิญแสงแดดในแบบเดียวกัน ผิวจะเสียได้ง่ายขึ้น กลับมาเป็นสีผิวเดิมได้ยาก ทั้งยังทิ้งร่องรอยของการอักเสบ ผิวไหม้ และปัญหาต่าง ๆ ที่ยากต่อการแก้ไขตามมา

4.การดูแลผิวยุ่งยากกว่าเดิม
สกินแคร์สำหรับผู้ที่อยู่ในวัย 30+ จะมีขั้นตอนที่เพิ่มมากกว่าวัยรุ่นเป็นเท่าตัว เพราะปัญหาผิวที่ถูกสะสมมายาวนาน ทั้งยังเผชิญกับสิ่งสกปรก ฝุ่นละออง และสารเคมีจากทั้งงสกินแคร์กับเครื่องสำอางต่าง ๆ จึงทำให้ผิวเสียอย่างหนักหน่วง ทั้งยังสูญเสียน้ำหล่อเลี้ยงผิวไปเป็นจำนวนมาก ดังนั้นสกินแคร์ของคนในวัยนี้จึงมีหลายขั้นตอนและหลายตัวที่จะต้องใช้ร่วมกัน เพื่อทำให้ผิวยังคงสภาพที่ดูดีและมีความสมบูรณ์แบบอยู่เสมอ นอกจากนี้ผู้ดูแลผิวบางรายอาจจะต้องเข้าคลินิกความงาม หรือทำศัลยกรรมเพิ่มเติม เพื่อทำให้ผิวยังคงดูอ่อนเยาว์และกระชับ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ในช่วงวัยรุ่นแทบไม่มีให้เห็น ดังนั้นการดูแลผิวจึงเป็นไปอย่างยุ่งยากพอสมควร

ปัญหาความงาม ของคนในวัย 30+ ถือว่าเป็นปัญหาสำคัญที่มีการให้ความรู้เรื่องการดูแลผิว สุขภาพ และรูปร่างกันมาอย่างยาวนาน เพื่อให้สุขภาพทั้งกายและใจ รวมไปถึงผิวพรรณของคนวัยนี้ยังคงดูดีอยู่เสมอ และไม่ทำให้ร่างกายทรุดโทรมลงเร็วจนเกินไปอีกด้วย

4 ข้อปฏิบัติเพื่อความงาม สำหรับผู้หญิงที่มีปัญหาผมร่วง

4 ข้อปฏิบัติเพื่อความงาม สำหรับผู้หญิงที่มีปัญหาผมร่วง

รู้หรือไม่ว่าโดยปกติของผู้หญิง เส้นผมจะร่วงประมาณวันละ 50-100 เส้น หากสระผมอาจจะร่วงมากถึง 200 เส้น และจะขึ้นใหม่หลังจากร่วงภายในเวลา 6 เดือน ในปัจจุบัน ผู้หญิงอายุ 18-23 ปี มักมีปัญหาเรื่องผมร่วงและผมบางจำนวนมาก ทำให้มีผลต่อรูปลักษณ์และความงาม เนื่องจากพักผ่อนน้อย เครียด ขาดสารอาหารหรือสะสมจากการทำเคมี หากเส้นผมของคุณมีการร่วงเกินวันละ 50-60 เส้น ควรเร่งหาสาเหตุที่แท้จริง เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนจากโรคหรือความผิดปกติของร่างกาย เช่น โรคตับ โรคไต และไทรอยต์

สำหรับผู้ชายที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป การที่ผมร่วงนั้นมักจะเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากรากผมมีความไวต่อ ฮอร์โมนเอนโดรเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชาย ทำให้เส้นผมของผู้ชายมีอายุสั้นกว่าปกติ และทำให้ผมที่งอกใหม่มีลักษณะสั้นและบางลง ดังนั้นเราจึงเห็นผู้ชายที่มีหัวล้านอยู่บ่อย ๆ แต่สำหรับผู้หญิงนั้นไม่ได้มีฮอร์โมนเพศชายมากนัก หากผมของคุณร่วงมากเกินไปอาจจะแสดงถึงสัญญาณความผิดปกติของร่างกาย เพื่อให้แน่ใจจึงควรไปปรึกษาแพทย์ และข้อปฏิบัติ 4 ข้อต่อไปนี้คือคำแนะนำที่จะช่วยลดปัญหาผมร่วงของคุณ และช่วยเสริมสร้างความงามและบุคลิกภาพที่ดีให้กับคุณได้

1.รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
การขาดสารอาหารบางประเภทหรือการได้รับสารอาหารไม่เพียงพอมักเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดผมร่วง โดยเฉพาะการขาดวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ดังนั้นควรเน้นรับประทานผักและผลไม้ให้มาก ๆ

2.ลดความเครียดลง
อีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผมร่วงก็คือความเครียด หากพบว่าผมคุณมักมีการร่วงที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลาที่เครียด ควรจะหาวิธีหลีกเลี่ยงในสิ่งเหล่านั้น แต่หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จริง ๆ ก็แนะนำให้ทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย เช่น ออกกำลังกาย เที่ยว และ ดูหนัง

3.พักผ่อนให้เพียงพอ
การขาดการพักผ่อนให้เพียงพอ ทำให้ฮอร์โมนขาดความสมดุล จึงมักเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดความเครียดสะสม ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้ผมร่วงมากขึ้นไปอีก หากคุณเป็นคนที่พักผ่อนน้อยลุ้นทีเด็ดบอลในยามค่ำคืนเป็นประจำ ให้พยายามหาเวลาพักผ่อนให้มากขึ้น

4.ดูแลเส้นผมและหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
ถ้าอยากให้ผมสวยงามก็ต้องบำรุงเช่นเดียวกับส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เช่น เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผมที่เหมาะสม สระผมอย่างถูกวิธี เป็นต้น และควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมบางอย่างที่ทำลายสุขภาพของผม อาทิ การย้อมสีผมบ่อยเกินไป การหวีผมแรง การทำผมด้วยอุปกรณ์ไฟฟ้า เป็นต้น

ถ้าหากคุณทำตามข้อควรปฏิบัติเพื่อความงามของเส้นผมทั้ง 4 ข้อที่กล่าวมาแล้ว คือ เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงความเครียด นอนหลับอย่างเพียงพอ และดูแลเส้นผมเป็นอย่างดีแล้ว แต่คุณยังมีปัญหาผมร่วงอยู่ คุณควรจะไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดของอาการผมร่วง เพื่อหาสาเหตุและรักษาได้อย่างถูกต้อง

คืนความงามแก่เส้นผมด้วยสูตรหมักผมที่ใคร ๆ ก็ทำได้

ปัจจุบันมีแฟชั่นที่เกี่ยวกับทรงผมทั้งผู้ชายและผู้หญิงให้ได้ปรับเปลี่ยนทรงและสีผมตลอดทั้งปี ซึ่งการย้อมผม ดัด ยืด ไดร์ผม ฯลฯ จะส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพของเส้นผม ทำให้มีปัญหาผมแห้ง ชี้ฟู ขาดน้ำหนัก รวมถึงผมแตกปลายและหงอกก่อนวัยได้

เราจึงได้รวบรวมเทคนิคเสริมสร้างความงามให้แก่เส้นผม ด้วยสูตรหมักผมแบบธรรมชาติ ที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้จากที่บ้านมาฝากกัน ดังนี้

1. สูตรไข่แดงและกล้วยหอม

ทั้งไข่แดงและกล้วยหอมเป็นของที่หาง่ายจากในครัว ที่สามารถช่วยเสริมสร้างโปรตีนที่ดีแก่เส้นผม บำรุงให้แข็งแรงจากรากผม ทั้งยังกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตมาเลี้ยงที่รากผมมากขึ้น จึงลดปัญหาเส้นผมขาดหลุดร่วงง่าย และปัญหาผมหงอกก่อนวัย โดยนำไข่แดง 1 ฟอง และกล้วยหอมสุก 1 ลูก ผสมให้เข้ากัน แล้วหมักที่ผมทิ้งเอาไว้ 30 นาที ทำซ้ำเช่นนี้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง จะเห็นความเปลี่ยนแปลงได้เป็นอย่างดี

2. สูตรน้ำมันมะพร้าว

น้ำมันมะพร้าวมีสรรพคุณปรับสมดุลให้แก่ผมและหนังศีรษะ ผู้ที่มีปัญหารังแคจากหนังศีรษะแห้ง ผมเส้นเล็กแตกปลายไม่มีน้ำหนัก หรือผมแห้งแข็งกระด้าง สามารถใช้สูตรนี้เพื่อแก้ปัญหาได้ โดยใช้น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นหมักผมเป็นประจำ โดยใช้ผสมกับไข่ไก่ในอัตราส่วนที่เท่ากัน หรือใช้น้ำมันมะพร้าวเพียงอย่างเดียว หมักผมทิ้งไว้ 15 ถึง 30 นาที

3. สูตรน้ำผึ้งผสมกับน้ำมันมะกอก

สำหรับผู้ที่มีผมหยักศกและชี้ฟูง่าย ควรใช้น้ำผึ้งผสมกับน้ำมันมะกอกหมักผม โดยผสมกันในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 หมักผมและนวดคลึงหนังศีรษะ ทิ้งไว้ประมาณ 15 ถึง 20 นาที จึงล้างออก ทำเป็นประจำทุกวัน จะทำให้เส้นผมได้รับวิตามินและกรดไขมันชนิดดีที่ช่วยเสริมความสมบูรณ์ของเคราตินใน เส้นผม จึงช่วยฟื้นคืนความชุ่มชื้น เพิ่มน้ำหนักให้เส้นผมจัดทรงง่ายขึ้น

4. เบียร์หมักผม

สำหรับสาวที่ทำสีผมบ่อย ๆ แล้วผมแห้งขาด แตกปลาย หลุดร่วงง่าย แนะนำให้ใช้เบียร์สดหมักผมเป็นประจำ โดยใช้เบียร์ 1 กระป๋อง ผสมกับน้ำมันมะกอก นวดคลึงหนังศีรษะ ทิ้งไว้ 15-20 นาที ทำซ้ำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง จะเพิ่มความเงางามให้เส้นผมและบำรุงจากรากผม ลดปัญหาผมบางหลุดร่วงง่ายได้

จะเห็นได้ว่า สูตรหมักผมที่กล่าวมานั้น เป็นการใช้ประโยชน์จากของที่หาได้ง่าย ๆ รอบตัวและมีความเป็นธรรมชาติ ไร้สารเคมีอันตราย ที่ทุกคนสามารถพิสูจน์ได้ด้วยตัวเอง ทั้งนี้ ควรลดความถี่ในการเปลี่ยนสีผมและลดการใช้ความร้อนที่ทำลายสารเคลือบผิวผม จะทำให้ผมมีสุขภาพดีได้อย่างรวดเร็ว

คืนความงามแก่เส้นผมด้วยสูตรหมักผมที่ใคร ๆ ก็ทำได้

ความงามฉบับดรู แบร์รีมอร์ สวยใสวัย 44 ทำได้ไง

ความงามฉบับดรู แบร์รีมอร์ สวยใสวัย 44 ทำได้ไง

ทุกวันนี้ดารานักร้องชื่อดังอย่างเช่น เจนนิเฟอร์ โลเปซ, วิคตอเรีย เบ็คแฮม, นาโอมิวัตส์ และไอคอนสาวสวยอีกมากมายกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม ไม่น่าแปลกใจเพราะแต่ละคนชีวิตคลุกคลีอยู่กับศิลปินช่างแต่งหน้า ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง และช่างทำผมระดับแถวหน้ามานับสิบ ๆ ปี เมื่อคุ้นเคยแล้วก็มุ่งมั่นแสวงหาความรู้เกี่ยวกับความสวยความงาม เปิดตัวคอลเลคชั่นเครื่องสำอางหลายแบรนด์ ดาราฮอลลีวู้ดที่สาวตลอดกาลอย่าง ดรู แบร์รีมอร์ เป็นหนึ่งในดาราสาวที่สวยไม่สร่าง ทั้งที่อายุ 44 ปีแล้วแต่ดูไม่เหมือนคนอายุหลักสี่เลย เธอทำอย่างนั้นได้อย่างไรกัน

ดรู แบร์รีมอร์โด่งดังตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 80 เธอควักกระเป๋าลงทุนผลิตเครื่องสำอางแบรนด์ Flower Beauty ที่ไม่ทดลองกับสัตว์ก่อนจำหน่าย เธอเป็นคนสวยแบบสดใส ใครเห็นก็รู้สึกสดชื่น และยังตรงไปตรงมาอีกด้วย สาว ๆ ทั่วโลกจึงมั่นใจและติดตามอินสตาแกรมดูว่ามีกลเม็ดเคล็ดลับอะไรดูแลความงามให้ลุคอ่อนกว่าวัยอยู่เสมอ มาดูกันว่าวิธีไหนทำตามได้บ้าง

1.สครับใบหน้าเพื่อรักษารูขุมขน ผิวมันทำให้มีรูขุมขนเปิดกว้างและเห็นได้ชัดรอบจมูกและแก้มด้านใน การลดขนาดรูขุมขนไม่ง่ายและไม่รวดเร็วเท่าที่ใจคิด ถ้าไม่มีปัญหาผิวแห้งเกินไป ลองทำสครับสามครั้งต่อสัปดาห์และใช้ครีบบำรุงผิวรอบดวงตาด้วย

2.ดื่มน้ำมาก ๆ ช่วยให้ผิวสดใสเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล น้ำผักผลไม้เป็นของดีมีประโยชน์และเป็นตัวเลือกแรก ๆ สกัดแล้วดื่มทันที อุดมด้วยวิตามินซีและเบต้าแคโรทีนซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระบำรุงสุขภาพผิว หน้าใสไม่เหี่ยวย่นก่อนวัย ไม่เพียงเพิ่มความแข็งแรงให้ผิวพรรณเท่านั้น แต่ยังมีผลดีต่อระบบไหลเวียนเลือด บำรุงสุขภาพโดยรวมทำให้เส้นผมแข็งแรงมีน้ำหนัก ดูดกดำเป็นประกาย ช่วยชะลอวัย ดูแลความงามทั่วทั้งร่าง

3.เลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ได้ผลจริง ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังมีผลิตภัณฑ์มากมายที่บำรุงผิวอย่างอ่อนโยน เลือกประเภทที่เหมาะกับผิวและใช้อย่างต่อเนื่อง อย่าไปคาดหวังกับผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์รุนแรงที่อาจทำลายโครงสร้างผิวในระยะยาว

4.รู้ว่าเมื่อไรควรจะประหยัดและเมื่อไรควรลงทุน ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมีให้เลือกมากมาย ปกติไม่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีราคาแพง เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของคุณอย่างชาญฉลาด ถ้าชนิดไหนราคาแพงแต่คุ้มค่าอาจจะต้องลงทุนบ้างในช่วงที่ผิวแย่ต้องการการฟื้นบำรุงขั้นสุด แล้วค่อยกลับมาใช้แบรนด์ที่อยู่ในงบประมาณตามปกติ

5.เลือกใช้ครีมกันแดดที่ป้องกันผิวคล้ำแดด ผิวไม่แห้ง และก็ไม่เกิดสิวด้วย เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF สูงและเนื้อครีมเบาบางไม่ทำให้ผิวมันหรือกระตุ้นให้เกิดสิวง่าย เรียนรู้ถึงพลังธรรมชาติของน้ำผึ้งดิบที่ให้ความชุ่มชื่นต่อต้านริ้วรอย ป้องกันสิว และต้านอนุมูลอิสระ การดูแลผิวเป็นทั้งความรู้และประสบการณ์ ต้องทำเองจึงจะรู้ว่าวิธีไหนเหมาะกับตนเอง

วิคตอเรีย เบ็คแฮม

วิธีช่วยให้เห็นความงามและคุณค่าตัวเอง

วิธีช่วยให้เห็นความงามและคุณค่าตัวเอง

แต่ละคนย่อมมีจุดเด่นและจุดด้อยที่แตกต่างกันไป ไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบไปเสียทุกเรื่อง การที่คนเราให้ความสำคัญกับความงามที่เป็นค่านิยมสมัยใหม่มากเกินไป จึงทำให้มองข้ามคุณค่าในความเป็นตัวเองไป

ในบทความนี้ จึงรวบรวมวิธีที่ช่วยให้ทุกท่านเห็นความงามและคุณค่าของตัวเองมากยิ่งขึ้น ดังนี้

สำรวจว่าตัวเองมีข้อด้อย-ข้อดีอะไรบ้าง

เมื่อส่องกระจก เราจะเห็นจุดที่ชอบและไม่ชอบของตัวเอง เช่น ดวงตาเล็กเกินไป จมูกโตเกินไป ปากหนาเกินไป ฯลฯ การยอมรับว่าสิ่งเหล่านี้คือตัวตนของเราที่มีมาแต่กำเนิด จะทำให้เรามีความทุกข์น้อยลงและอยู่กับความเป็นจริงได้มากขึ้น

เมื่อเห็นจุดด้อยแล้ว ให้มองที่จุดเด่นหรือข้อดีของตัวเอง เช่น เราเป็นคนยิ้มเก่ง ทำให้ใคร ๆ ก็อยากเข้ามาพูดคุยด้วย หากเรามองหาจุดเด่นในตัวเองและชื่นชมกับมันได้ ก็จะทำให้มองข้ามความสมบูรณ์แบบได้มากขึ้น

พัฒนาจุดเด่นที่มีให้ดีขึ้น

หากเราส่งเสริมให้จุดเด่นที่มีชัดเจนและเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นได้ ก็จะยิ่งทำให้เรามีคุณค่ามากขึ้น ดังตัวอย่างที่กล่าวไปว่า หากเราเป็นคนยิ้มเก่ง เราก็นำสามารถนำความเป็นตัวเองด้านนี้มาใช้ในการทำงานอาสาสมัครเพื่อสังคม ด้านการประชาสัมพันธ์หรือการประสานงาน เพราะจะมีโอกาสที่จะได้รับความสนใจหรือได้รับความร่วมมือจากคนรอบข้างสูง

และยิ่งหากพัฒนาตัวเองให้มีบุคลิกภาพที่ดีและฝึกฝนด้านภาษา ก็มีโอกาสที่จะนำความสามารถนี้ไปประกอบอาชีพที่ก้าวหน้าได้มาก เช่น เป็นล่าม เป็นมัคคุเทศก์ หรือเป็นนักประชาสัมพันธ์ที่เก่งได้ (ปัจจุบันมีอาชีพมากมายที่ไม่จำเป็นต้องอาศัยความงามของรูปร่างหน้าตา)

มองคนที่ลำบากมากกว่า

การมองและเห็นใจคนที่มีความลำบากมากกว่าเรา จะช่วยให้ลดความสนใจคำวิจารณ์รูปร่างหน้าตาจากคนอื่นได้มากขึ้น จะทำให้เราและมองข้ามการตำหนิของผู้อื่นได้มากขึ้น และควรให้ความสำคัญกับการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง เช่น การมีน้ำใจช่วยเหลือกัน การแบ่งปันประสบการณ์ทั้งด้านดนตรี กีฬา ที่แต่ละคนถนัด ฯลฯ จะช่วยให้ลดการใส่ใจที่รูปลักษณ์ภายนอกได้

ทำบันทึกเรื่องราวแต่ละวัน

ควรมีสมุดบันทึกเล่มเล็ก ๆ เพื่อบันทึกประสบการณ์และคำวิจารณ์ที่สร้างสรรค์จากผู้อื่น เพื่อพัฒนาตัวเองยิ่งขึ้น หากทำเป็นประจำจะทำให้เติบโตในหน้าที่การงานและเป็นที่รักของคนรอบข้างยิ่งขึ้น

ความงามของแต่ละบุคคลไม่ได้ขึ้นอยู่ที่เพียงรูปลักษณ์ภายนอก แต่ยังขึ้นอยู่กับความรู้ความสามารถและบุคลิกภาพด้านอื่น ๆ การส่งเสริมจุดดีและนำไปสร้างประโยชน์ให้แก่ผู้อื่นจะช่วยลดความท้อแท้เสียใจกับคำวิพากษ์วิจารณ์จากคนอื่น และทำให้มีความสุขยิ่งขึ้นในทุก ๆ วันได้

ช่วยให้เห็นความงามและคุณค่าตัวเอง

ดูแลความงามอย่างไร ให้ดูเยาว์วัยอยู่เสมอ

ดูแลความงามอย่างไร ให้ดูเยาว์วัยอยู่เสมอ

การแลดูอ่อนกว่าวัยเป็นยอดปรารถนาของผู้หญิงทุกยุคสมัย แม้ในปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีที่ช่วยลดอายุของผิวพรรณและเส้นผมได้ แต่การยืดอายุของสิ่งที่ธรรมชาติให้มาก็ต้องมีการดูแลเป็นประจำด้วยเทคนิคดี ๆ ที่เรานำมาฝากในวันนี้

ความงามเบื้องหลังการแต่งหน้า

ความงามเบื้องหลังการแต่งหน้า

การแต่งหน้าให้แลดูอ่อนกว่าวัยทำได้ง่าย ๆ ด้วยการไม่ขีดเขียนลายเส้นที่ตาและปากให้เข้มจัดในเวลาเดียวกัน หากต้องการให้ดวงตาโดดเด่นสามารถใช้เทคนิค smoky eye และลดโทนสีปากให้เป็นสีนู้ดแทน แต่ถ้าต้องการให้ริมฝีปากสวยด้วย ลิปสติกสีแดงสดต้องใช้eye shadow สี นู้ด หรือ earthtone คู่กันแทน

ในการแต่งหน้า ต้องไม่ลืมว่าควรใช้นิ้วนางในการเกลี่ยครีมและคอนซีลเลอร์ เพื่อไม่ให้น้ำหนักมือมากเกินไปจนเป็นตัวสร้างริ้วรอย ในเมื่อผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องแต่งหน้าอย่างน้อยวันจันทร์ถึงศุกร์ การใช้เทคนิคนี้จะช่วยชะลอวัยได้มากทีเดียว และหากเป็นวันหยุดก็ควรพักหน้าจากเครื่องสำอางค์ไปเน้นหนักที่การบำรุงด้วยมาร์กที่เป็นสูตรฟื้นฟูผิวพรรณจะช่วยคืนความชุ่มชื้นและคงความงามให้อยู่ยาวนานขึ้นได้

ความงามเบื้องหลังเส้นผมสลวย

ความงามเบื้องหลังเส้นผมสลวย

การดูแลความงามจะต้องใส่ใจเรื่องของเส้นผมด้วย แม้ใบหน้าจะดูเด็กแต่เส้นผมที่หยาบกระด้าง แห้งแตกปลาย หรือมีผมขาวแซมจนทำให้ดูทรุดโทรมย่อมไม่ดีแน่ การรักษาความสะอาดของเส้นผมควรเลือกแชมพูสูตรอ่อนโยน หากเป็นผู้ที่มีผมมัน ก็ไม่ควรใช้แชมพูสูตรขจัดความมันเป็นประจำ เพราะจะทำให้เส้นผมกระด้างจากการสูญเสียน้ำมันตามธรรมชาติ และผู้ที่ทำสีผมก็จะมีปัญหาจำพวกเส้นผมแตกปลาย สีผมผิดเพี้ยนได้ด้วย

แนะนำว่าให้ใช้แชมพูสูตรอ่อนโยนสระได้ทุกวันเป็นประจำจะดีที่สุด ควบคุมกับการใช้ทรีตเมนต์หมักเส้นผมสัปดาห์ละหนึ่งถึงสองครั้ง ไม่ทำสีผมบ่อยเกินกว่าสองเดือนต่อครั้ง เพราะมีความเสี่ยงสูงที่เส้นผมจะหลุดร่วงง่าย รากผมอ่อนแอ และทำให้ผมหงอกก่อนวัย เนื่องจากถูกสารเคมีทำร้าย แต่หากมีปัญหาเรื่องสีผมไม่สม่ำเสมอ และต้องย้อมผมเป็นประจำควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ เช่น เฮนน่า หรืออัญชัน ที่มีหลายแบรนด์ได้นำมาเป็นวัตถุดิบหลักในการย้อมสี ทั้งไม่ทิ้งสารพิษทำลายหนังศีรษะและเส้นผมในระยะยาวด้วย

การให้ความสำคัญกับการชำระล้างสิ่งสกปรกตกค้างจากการแต่งหน้าและทำผมด้วย ผลิตภัณฑ์ที่เป็นธรรมชาติ และอ่อนโยนเหมาะกับสภาพของผิวและเส้นผม จึงมีความจำเป็นที่ ต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเสมอหากอยากคงความงามอ่อนกว่าวัยไว้ให้ยาวนานด้วย